ราคาน้ำตาลตลาดโลก
อัพเดทล่าสุด : วันที่ 18 กันยายน 2568
| น้ำตาลทรายขาว No.5 | ||
|---|---|---|
| Contract | Last | Change |
| ธ.ค. 68 | 454.60 | -4.50 |
| มี.ค. 69 | 446.10 | -5.40 |
| พ.ค. 69 | 445.90 | -5.70 |
| ส.ค. 69 | 445.80 | -5.30 |
| เอทานอล | ||
|---|---|---|
| Contract | Last | Change |
| 18 ก.ย. 68 | 2.110 | -1.17% |
| 17 ก.ย. 68 | 2.135 | -0.12% |
| 16 ก.ย. 68 | 2.138 | +0.23% |
| 15 ก.ย. 68 | 2.132 | +0.12% |
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำตาลที่สำคัญของโลก สำหรับปีการผลิต 2567/2568 มีพื้นที่เพาะปลูกอ้อยทั้งประเทศรวม 11.16 ล้านไร่ (เพิ่มขึ้น
จาก 10.25 ล้านไร่ในปี 2566/2567) และมีปริมาณอ้อยเข้าหีบคาดการณ์สูงถึง 93 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจาก 82 ล้านตันในปี 2566/2567) การปลูก
อ้อยเป็นแหล่งรายได้หลักของชาวไร่อ้อยที่ขึ้นทะเบียนกว่า 430,357 ราย และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมแล้วกว่า 184,000 ล้านบาท ในปี
2567 นอกจากนี้ สัดส่วนอ้อยสดเข้าหีบอยู่ที่ 81.28% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ 75% ในขณะที่สัดส่วนอ้อยเผาลดลงเหลือ 18.72% (ลดลงจากเป้า
หมาย 25%) ตอกย้ำบทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลต่อเศรษฐกิจของประเทศ
การกระจายตัวของพื้นที่ปลูกอ้อยในแต่ละภูมิภาคสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางภูมิศาสตร์และสภาพอากาศที่เหมาะสมสำหรับการเพาะ
ปลูกอ้อย ซึ่งแต่ละภูมิภาคมีลักษณะเฉพาะและศักยภาพในการผลิตที่แตกต่างกัน
ภาพรวมพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งประเทศ
จากข้อมูลพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งประเทศในปีการผลิต 2567/2568 พบว่ามีการกระจายตัวอย่าง ไม่สม่าเสมอในแต่ละภูมิภาค โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือถือเป็นแหล่งปลูกอ้อยที่ใหญ่ที่สุด ตามด้วยภาคเหนือและภาคกลาง ส่วนภาคตะวันออกมีพื้นที่ปลูกน้อยที่สุด
การกระจายตัวนี้เกิดจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ สภาพดินและภูมิอากาศ แหล่งนํา โครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายส่งเสริมการเกษตรของรัฐบาล ซึงส่งผลต่อประสิทธิภาพและ ผลผลิตในแต่ละพื้นที่
ภาคเหนือยังคงมีพื้นที่ปลูกอ้อยประมาณ 2.62 ล้านไร่ คิดเป็นประมาณ 22.4 % ของพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งประเทศ 11.16 ล้านไร่ สาเหตุหลักมาจาก
สภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาและที่ราบสูง ซึ่งไม่เหมาะสมกับการปลูกอ้อยเท่าทีควร
อย่างไรก็ตาม จังหวัดที่มีการปลูกอ้อยในภาคเหนือ เช่น กําแพงเพชร นครสวรรค์ แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก และเพชรบูรณ์ ก็มีการพัฒนา
เทคนิคการปลูกที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยเฉพาะการใช้พื้นที่ลาดเอียงและการจัดการนําอย่างมีประสิทธิภาพ
แม้จะมีพื้นที่ต่างจากพื้นที่อื่น แต่อ้อยจากภาคเหนือมีคุณภาพดี เนื่องจากสภาพอากาศเย็นในช่วงฤดูหนาวช่วยให้อ้อยสะสมนําตาลได้ดี นอกจากนี่้
ยังมีศักยภาพใบการขยายพื้นทีปลูกในบางพืนทีทีเหมาะสม
ภาคตะวันออกเฉียงเหมือหรืออีสานเป็นภูมิภาคที่มีความส่าศัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมอ้อยของประเทศไทย มีพื้นที่ปลูกมากที่สุด มีบทบาท สําคัญในการผลิตน้าตาลและเอทานอล สภาพอากาศแห้งแล้งในบางช่วงของปีทําให้อ้อยมีความหวานสูง
เกษตรกรในภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่ปลูกอ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก เนื่องจากอ้อยสามารถทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดีกว่าพืชอื่น การปลูกอ้อยจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับสภาพภูมิอากาศของภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ยังมีโรงงานน้ำาตาลขนาดใหญ่หลายแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่
พื้นที่ปลูกอ้อย 0.65 ล้านไร่
ภาคตะวันออกเป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่ปลูกอ้อยน้อยที่สุดในประเทศไทย โดยมีพื้นที่ปลูก
ประมาณ 0.65 ล้านไร่ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5.6% ของพื้นที่ปลูกอ้อยทั่วประเทศ
11.16 ล้านไร่ ความลําเร็จนี้เกิดจากสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม มีฝนตกชุกในช่วงฤดู
ฝน และต้องอาศัยนํ้าฝน และมีการพัฒนาแหล่งน้ํา
จังหวัดสาคัญในภาคตะวันออกที่มีการปลูกอ้อยมาก ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ชลบุรี
และระยอง ซึงล้วนมีสภาพดินที่เหมาะสมและระบบชลประทานที่ดี นอกจากนี้ใกล้
แหล่งการขนส่ง ทําให้การขนส่งและการตลาดสะดวก สามารถส่งผลิตภัณฑ์นํ้าตาลไป
สู่ต่างประเทศได้ง่าย
เกษตรกรในภาคตะวันออกส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในการปลูกอ้อยมายาวนาน และ
ได้รับการสนับสนุนเทคนิคการเกษตรที่ทันสมัย ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น
หัวใจการเกษตรแห่งประเทศไทย
พื้นที่ปลูกอ้อย 2.:62 ล้านไร่ (ปีการผลิต 2567/2568)
ภาคกลางมีพื้นที่ปลูกอ้อย 2.62 ล้านไร่ซึ่งคิดเป็นประมาณ 22.6% ของพื้นที่ปลูก
อ้อยทั้งประเทศ 11.16 ล้านไร่ ภูมิกาคนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “อู่ข้าวอู่น้าของ
ประเทศไทย” เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตรสูง
จังหวัดที่มีการปลูกอ้อยมากในภาคกลาง ได้แก่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม
และอุทัยธานี ซึ่งล้วนมีระบบชลประทานที่ดีและดินที่อุดมสมบูรณ์ การเข้าถึงตลาด
และโรงงานแปรรูปก็สะดวกเนื่องจากอยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร
เกษตรกรในภาคกลางมีความได้เปรียบในด้านเทคโนโลยีการเกษตรและการเข้าถึง
ข้อมูลข่าวสาร ทําให้สามารถปรับปรุงเทคนิคการปลูกและเพิ่มผลผลิตได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
จากแผนภูมิวงกลมแสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนของพื้นที่ปลูกอ้อยในแต่ละภูมิภาค โดยอัปเดตข้อมูลปีการผลิต 2567/2568 ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือยังคงครองส่วนแบ่งใหญ่ที่สุดเกือบครึ่งหนึ่ง ตามด้วยภาคเหนือและภาคกลางที่มีพื้นที่ใกล้เคียงกัน ส่วนภาคตะวันออกมี
พื้นที่ปลูกน้อยที่สุด
การกระจายตัวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ โครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายการส่งเสริมการเกษตรในแต่ละ
ภูมิภาค ซึ่งเป็นปัจจัยสําคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของเกษตรกรในการเลือกปลูกอ้อย



